ทำไมต้องใช้ WordPress? 9 เหตุผล ทำไมเว็บทั่วโลกใช้มากถึง 35%
หากใครกำลังสงสัยว่า “ทำไมต้องใช้ WordPress?” กำลังรีเสิชหาข้อมูลเกี่ยวกับ WordPress หรือเคยได้ยินมาบ้างจากในเว็บ ว่าเป็นระบบ CMS หรือว่าเป็น เว็บสำเร็จรูป สำหรับเขียนบล็อค แต่อาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีฟีเจอร์หรือความสามารถแค่ใหนกัน
บทความนี้ผมจะมาลบล้างความคิดเดิมๆ ว่าเวิร์ดเพรสทำได้แค่บล็อค เพราะปัจจุบันนี้ ได้พัฒนาไปถึงเวอร์ชั่น WordPress 5.3.2 สามารถพัฒนาเว็บไซต์ได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ขนาดเล็ก จนถึงเว็บไซต์ระดับอินเตอร์ไพรส์ หรือพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์เฉพาะก็ยังได้ มีความยืดหยุ่นสูงมาก พลิกแพลงได้ทุกรูปแบบ (แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนทำเว็บด้วยนะ) เรียกได้ว่า WordPress เป็น “พลานุภาพ… พลิกโลก“
ปัจจุบันมีระบบสร้างเว็บสำเร็จรูป และ CMS มากมาย เช่น WordPress, Joomla, Shopify, Magento, Wix, Weebly, Squarespace แต่ละตัวก็มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป อย่าง Magento ก็เกิดมาสำเรับทำเว็บไซต์ e-commerce โดยเฉพาะ, WordPress เดิมทีเกิดเพื่อเป็นเว็บบล็อค แต่ตอนหลังถูกพัฒนามาเป็นเพลตฟอร์มการทำเว็บไซต์ที่ทำเว็บได้หลากหลาย จะทำเว็บไซต์บริษัท ร้านค้าออนไลน์ก็เหมาะดี ยืดหยุ่นสูง
ในบทความนี้ผมจะมาเจาะลึกเฉพาะจุดเด่นของ WordPress จากประสบการณ์ใช้งานจริง
1. สร้างเว็บได้ฟรี! เพราะเป็นโอเพ่นซอร์ส
ผมจะพูดถึงเฉพาะ WordPress.org เพราะเป็นตัวที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน จริงๆ แล้วเวิร์ดเพรสมี 2 แบบคือ WordPress.org กับ WordPress.com ซึ่งเจ้า .org มีความยืดหยุ่นสูงกว่ามาก เราสามารถปรับแต่งได้ทุกรูปแบบ แต่เราต้องไปจดโดเมน เช่าโฮสติ้งด้วยตัวเอง แล้วมาติดตั้งเว็บ แต่ถ้าเป็น .com มีแบบฟรีด้วยนะ แต่ชื่อโดเมน จะเป็นประมาณ teeneeweb.wordpress.com ซึ่งไม่ค่อยสวย จึงต้องเสียเงินเช่าแพคเกจ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง และไม่ค่อยยืดหยุ่น ผมเลยไม่แนะนำ
WordPress.com กับ WordPress.org ต่างกันอย่างไร?
ตัว .org ถูกพัฒนามาตั้งแต่ 2003 โน้นเลย ถึงตอนนี้ปี 2019 ก็ประมาณ 17 ปีได้ ผ่านการพัฒนาจากโปรแกรมเมอร์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง มี Community ค่อนข้างใหญ่มาก ไม่แปลกที่เวิร์ดเพรสได้รับความนิยมใช้งานทั่วโลกมากถึง 34% ของเว็บไซต์ทั้งหมด
*ล่าสุด ปี 2020 WordPress มีส่วนแบ่งการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 35%
.org เราต้องไปโหลดที่ WordPress.org แล้วมาติดั้งลงในโฮสติ้งที่เราไปเช่ามา จากนั้นต้องไปโหลด Theme Free และ Plugins Free ได้ผ่านระบบหลังบ้านโดยตรง
2. ทำเว็บไซต์ได้หลากหลาย
หนึ่งในความเข้าใจผิดของคนที่รู้จักเวิร์ดเพรสไม่จริงคือ “WordPress เกิดมาเพื่อสร้างเว็บบล็อค” สมัยแรกๆ จริงครับ แต่เวอร์ชั่นหลังๆ ได้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เวิร์ดเพรสเอง สามารถใช้ทำเว็บไซต์ได้ทุกรูปแบบก็ว่าได้ เช่น
-
เว็บไซต์บริษัท/ธุรกิจ
-
เว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือ E-commerce
-
เว็บไซต์หน่วยงาน
-
เว็บไซต์สื่อออนไลน์ (เว็บไซต์ข่าว)
-
เว็บเรียนออนไลน์ เว็บไซต์ขายคอร์สเรียน
-
เว็บไซต์อสัหาฯ หรือ เว็บไซต์ Property
-
เว็บไซต์ประกาศฝากร้าน
-
เว็บไซต์โรงเรียน
-
เว็บไซต์แนวครีเอทีฟ (Creative)
-
เว็บไซต์ Job boards
-
เว็บไซต์ส่วนตัว
โดยพื้นฐานของ WordPress เองอาจจะให้แค่ฟังก์ชันพื้นฐาน แต่เราสามารถสร้างเว็บไซต์ตามที่ต้องการได้ ด้วยการใช้งาน Plugins และ Theme เช่น ถ้าต้องการทำเว็บร้านค้าออนไลน์ ก็ต้องใช้ปลั๊กอิน WooCommerce, ถ้าอยากทำเว็บรับสมัครงาน ก็ต้องใช้ปลั๊กอินแนว Job Board เป็นต้น

รูปภาพด้านบน เป็นตัวอย่างเว็บไซต์บริษัท ที่ทำด้วย WordPress สังเกตเห็นว่า ผมออกแบบและจัดวางเลย์เอาต์ได้อย่างอิสระ โดยการใช้ปลั๊กอิน Page Builder ในการจัดหน้า
3. เรียนรู้การใช้ WordPress ได้ง่าย และได้รับความนิยม
สรุปง่ายๆ เมื่อไหร่ที่มีคนใช้เยอะ แสดงว่าคนที่รู้เรื่องหรือเชี่ยวชาญก็มีเยอะเช่นกัน เหล่ากูรูต่างๆ ที่ร้อนวิชาเก็บไว้ไม่ไหว ก็อยากจะถ่ายทอดแบ่งปัน ปล่อยของ บางคนแบ่งปันเพื่อกันลืมก็มี ยังไงก็แล้วแต่ มันก็เป็นข้อดีของบรรดามือใหม่หัดทำเว็บไซต์ด้วย WordPress เดี่ยวนี้แค่ค้นหา Keyword …. ก็เจอเว็บไซต์ที่แบ่งปันความรู้เต็มไปหมด จิ้มเลือกได้เลย
เพราะ WordPress เกิดมาเพื่อทุกคนอยู่แล้ว คนที่ไม่รู้ Code ก็ทำได้ ถ้าตั้งใจศึกษาอย่างจริงจัง รับประกันว่าทำเว็บเองได้ที่บ้านได้เลย ผมขอสรุปขั้นตอนการเรียนรู้ WordPress พื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
-
จด Domain และเช่า Hosting / Server
-
ติดตั้ง WordPress
-
ลง Theme ตามต้องการ
-
ลง Plugins พื้นฐานที่จำเป็น
-
จัด Layout หน้าเว็บด้วยปลั๊กอิน Page Builder
4. ยืดหยุ่นด้วย Themes และ Plugins
จะว่าไป WordPress ก็เหมือนรถยนต์ สามารถแต่งเติมชิ้นส่วนได้ตามที่สบายใจ หากเราต้องการเสริมเรื่องความสวยงามก็ต้องพูดถึง Theme แต่ถ้าหากต้องการเสริมเรื่องฟังก์ชันการใช้งานก็ต้องพูดถึง Plugin
Theme WordPress มีทั้งแบบพื้นฐาน หรือ Free Themes และแบบที่ต้องเสียเงินซื้อ ปกติเค้าซื้อกันที่เว็บไซต์ Themeforest แน่นอนธีมฟรีกับเสียตังค์ซื้อ ย่อมแตกต่างในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพและฟีเจอร์เสริม ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องความสวยงาม และต้องการใช้พื้นฐานจริงๆ ก็ธีมฟรีก็เพียงพอแล้ว แต่หากต้องการความหวือหวา สวยหรู และฟีเจอร์เด็ดเยอะ ก็แนะนำให้เสียตังค์ซื้อดีกว่า
Plugin WordPress เช่นเดียวกันครับ มีทั้งแบบพื้นฐาน หรือ Free Plugins มีปลั๊กอินฟรีราวๆ 54,870 ตัว และแบบที่ต้องเสียเงินซื้อ ปกติเค้าซื้อกันที่เว็บไซต์ Codecanyone.net จะใช้ปลั๊กอินอะไรก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน
Plugin WordPress พื้นฐานที่แนะนำ
-
Yoast SEO : สำหรับทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google
-
All In One WP Security & Firewall : เป็นปลั๊กอินด้านความปลอดภัย
-
ปลั๊กอิน Page Builder : สำหรับจัด Layout หน้าเว็บ ตัวฟรีและที่นิยม ได้แก่ Page Builder by SiteOrigin และ Elementor Page Builder
-
WooCommerce : สำหรับทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์
-
Smart Slider 3 : สำหรับทำ slider หรือ slideshow
-
WP Fastest Cache สำหรับเก็บแคช หรือทำให้เว็บโหลดไว
5. WordPress ดูแลง่าย ใช้ง่าย ด้วยระบบหลังบ้านที่แสนง่าย
หากใครไปจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ หรือจ้างเอเจนซี่พัฒนาเว็บไซต์ขึ้นมาเอง ไม่ได้ใช้ WordPress คุณอาจจะต้องเสียค่าบริการดูแลเว็บไซต์รายเดือน ค่าอัพเดตข้อมูล ค่าออกแบบแบนเนอร์ ค่าแบ็คอัพ สารพัด ค่าใช้จ่ายก็แพงใช้ได้
แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับ WordPress เราสามารถดูแลระบบหลังบ้านเองได้ แค่สละเวลาเรียนรู้สักนิด ผมรับประกันว่าทำได้แน่นอน แม้เขียน Code ไม่เป็นก็ตาม ซึ่งโดยปกติแล้วการดูแลระบบหลังบ้าน มีดังนี้
-
ให้แน่ใจว่า Hosting ยังทำงานได้ปกติ
-
มั่นตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัย ใช้ปลั๊กอินตรวจสอบได้
-
BackUp WordPress เป็นประจำหลังอัพเดตข้อมูล
-
อัพเดต Plugins, Themes, WordPress ทุกครั้งที่มีเวอร์ชั่นใหม่
-
มั่นตรวจเช็คเรื่อง Speed และ SEO
หากทำตาม 5 ข้อที่กล่าวมาข้างบน เว็บไซต์เราก็จะมีคุณภาพและยากมากที่จะโดนแฮ็ก ส่วนใหญ่ที่โดนแฮ็กโดนไวรัส มาจากการที่ไม่ได้อัพเดตปลั๊กอิน หากเราอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ และหา Hosting มีระบบป้องกันที่ดีและเร็ว
6. ง่ายต่อการทำ SEO (ทำเว็บให้ติดหน้าแรก Google)
จะทำเว็บไซต์ไปทำไม ถ้าลูกค้าไม่มีใครเจอเราบน Google?
SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ของเราปรากฏใน Google ยิ่งปรากฏในหน้าแรกของ Google ก็จะยิ่งดี ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ขยายฐานลูกค้า โปรโมทสินค้าและบริการ แต่การทำ SEO ให้มีคุณภาพนั้น ก็ต้องหา Keyword ที่มีคุณภาพ หาคำที่มีการค้นหาต่อเดือนสูงๆ พอได้ Keyword ที่มีคุณภาพ ก็ต้องมาทำ SEO Onpage ในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ และยังมีปัจจัย กลยุทธ์ SEO อีกหลายวิธีที่ต้องทำ
การทำ SEO เป็นแค่ก้าวแรกในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา แต่อย่างน้อยก็จะช่วยลดค่าโฆษณา ADwords ได้พอสมควร
Yoast SEO Plugin เป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress สำหรับทำ SEO ที่มีคนใช้งานมากที่สุด มันช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น



Bloomberg Professional

PlayStation.Blog

Microsoft News Center

10. ราคาไม่แพง ประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อนี้น่าจะสำคัญที่สุดสำหรับ SME หรือบริษัทที่กำลังจะเริ่มทำเว็บไซต์ มีงบไม่มาก WordPress ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แต่ก็ต้องเลือกว่า จะทำเว็บไซต์เอง หรือ จ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์
ถ้าเลือกที่จะสร้างเว็บเอง ก็ต้องเรียนรู้ขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ขั้นตอนดังนี้
-
จด Domain + เช่า Hosting
-
ติดตั้ง WordPress
-
หา Theme สวยๆ และลง Plugin ที่จำเป็นต้องใช้
-
จัดหน้าเว็บด้วย Page Builder
-
ทำให้ติดหน้าแรก Google ด้วย Yoast SEO
-
BackUP WordPress ด้วย All-In-One WP Migration
-
อัพโหลด Sitemap ของเว็บไซต์ขึ้น Google Web Mastertools
-
ติดตามดูสถิติได้ที่ Google Analytics
หากทำเองแล้วไปไม่ถูก เลือกที่จะจ้างบริษัทที่รับทำเว็บด้วย WordPress โดยตรง ก็มีขั้นตอนดังนี้
-
หาบริษัทที่เชี่ยวชาญ WordPress
-
เตรียมข้อมูลให้พร้อม
-
ติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ
-
ที่สำคัญ! ขอบเขตงานต้องเปะ บริษัทจะได้ตีราคาได้แม่นยำ
-
อยากให้พิจารณาที่บริการหลังการขายเป็นพิเศษ
- รับทำเว็บไซต์ ทำไมต้องใช้ WordPress ?