ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร? ในวันที่มูลค่า ตลาด e-Commerce ไทยโตต่อเนื่อง
ปี 2019 ยอดผู้ใช้ Internet เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจาก 10 ที่ผ่านมา บวกกับตลาดสมาร์ทโฟนทั่วไปก็โตเอ๊าโตเอา ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของธุรกิจ/บริการ ทำให้มีเพลตฟอร์ม E-commerce เกิดขึ้นเกลื่อนตลาด
ในอดีตเราอยากได้สินค้าสักชิ้น ต้องขับรถจากบ้าน เพื่อไปซื้อผ่านหน้าร้านค้าโดยตรง ไม่ว่าไกล้หรือไกลก็ต้องเสียเวลาเดินทางไป
ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อ-ขายสินค้าเปลี่ยนไปจาก ออฟไลน์ ไปยังตลาดออนไลน์อย่าง E-commerce
อยากซื้อสินค้าสักชิ้น หยิบมือถือขึ้นมา แค่กดเข้าเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Lazada, Shopee, Alibaba etc… ก็มีสินค้าให้เลือกเป็นพันชิ้น พร้อมรีวิวประกอบการตัดสินใจสั่งซื้อ ว่าสินค้าชิ้นนั้นดีหรือไม่ดี เทียบราคาได้เลย อยากได้ถูกหรือแพง ชำระเงินปลายทางและรอรับสินค้าหน้าบ้านได้เลย
จากการเปิดเผยของเว็บไซต์ ETDA มูลค่า e-Commerce ไทยโตต่อเนื่อง ยอดปี 2561 พุ่งสูง 3.2 ล้านล้านบาท ที่สำคัญ ประเทศนี้แหละที่โตไวสุดในอาเซียน
จากสถิติข้างต้น เราเห็นได้ชัดเจนว่า โลกกำลังเปลี่ยนจาก ออฟไลน์ สู่โลกออนไลน์เต็มกำลัง ธุรกิจประเภทขายสินค้าและบริการที่ยังไม่คิดที่จะปรับตัวสู่ตลาดออนไลน์ บอกได้เลยว่ารอวันเจ็บตัวแน่นอนครับ
ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำ วิธีปรับตัวของธุรกิจในปัจจุบัน ปรับตัวอย่างไร ในวันที่มูลค่าตลาด e-Commerce ไทยโตต่อเนื่อง ผมจะแยกเป็น 3 ช่องทางหลัก
ช่องทาง 1 : ทำเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเอง
ร้านค้าหรือธุรกิจ SME ในยุคปัจจุบัน ที่ยังอาศัยยอดขายจากหน้าร้านอย่างเดียว ขอเรียกว่า “ตลาดออฟไลน์” น่าจะต้องเริ่มทบทวนกันใหม่ได้แล้ว
การที่เพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Lazada, Shopee, Alibaba etc… มา Distrupt ตลาดในบ้านเรา ส่งผลกระทบต่อยอดขายของตลาดออฟไลน์ไม่มากก็น้อย บางธุรกิจจำเป็นต้องปิดตัวลง เนื่องจากยอดขายไม่ดี ซึ่งเดาไม่ยากว่า น่าจะเกิดจากการที่เราไม่เริ่มปรับตัว ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าในยุคอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู
ร้านค้าหรือธุรกิจ SME ควรเริ่มคิดวางแผนที่จะมีเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเอง ในอดีต การจะมีเว็บไซต์ E-commerce สักเว็บ อาจจะต้องใช้งบหลักแสน แต่ในปัจจุบัน แค่หลักหมื่น ก็สามารถทำได้แล้ว ลองอ่านบทความ รับเขียนเว็บไซต์ ต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
หากเราบูสโพส หรือโปรโมทโพสบน Facebook เราจะเริ่มเห็นว่า โพสช่วงใหน Content รูปแบบใหน ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราสามารถเอาข้อมูลจาก สถิติต่างๆ มาตั้งเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประหยัดงบในการโปมโมทมากขึ้น แนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับ การทำ A/B Testing
2. สร้าง Content หลากหลายรูปแบบ
การที่เราโปรโมทโพสอย่างเดียว อัดงบเยอะๆ โดยไม่ได้คิดวิเคราะห์เลยว่า โพสแบบใหนที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเราที่สุด เพราะ Facebook ไม่ได้มีแค่ โพสแบบข้อความและรูป รับเขียนเว็บไซต์
โพสแบบรูปภาพ
เป็นโพสที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว สามารถลงรูปและข้อความเขียนอธิบายเกี่ยวกับรูปภาพได้ ซึ่งจะมีรูปแบบแบบภาพเดี่ยว และภาพสไลด์ คอลเลกชั่น สไลด์โชว์
ติดต่อ-สอบถาม